ทัวร์ออสเตรเลีย ขับรถเที่ยวบนเส้นทางเกรท เซาท์เทิร์น โอเชียน โรด 5 คืน

วันที่ 1: เมลเบิร์น – อะพอลโลเบย์

ระยะทาง: 187 กม./ 3 ชั่วโมง

ทำเรื่องเที่ยวให้เป็นเรื่องง่ายด้วยการขับรถสบายๆ จากเมลเบิร์นไปยังทอร์คีย์ (Torquay) ซึ่งใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมงเพื่อชมวิวชายหาดสีครามและแวะเที่ยวแหล่งโต้คลื่นที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในออสเตรเลีย โดยทอร์คีย์ยังเป็นจุดเริ่มต้นอย่างเป็นทางการของเส้นทางเกรท โอเชียน โรด (Great Ocean Road) คุณสามารถเข้าชมพิพิธภัณฑ์เซิร์ฟแห่งแรกและแห่งเดียวของโลกได้ที่เซิร์ฟเวิลด์ โกลด์โคสต์ (Surf World Gold Coast) ก่อนจะแวะชมการเล่นกระดานโต้คลื่นของจริง ณ เมืองเบลส์ บีช (Bell’s Beach) อันเป็นสถานที่จัดการแข่งขันเซิร์ฟระดับโลกอย่าง Rip Curl Pro หยุดพักที่เมืองแองเกิลซีย์ (Anglesea) และมุ่งหน้าไปยังสนามกอล์ฟ ซึ่งคุณจะได้พบกับเหล่าจิงโจ้ที่กระโดดไปมาอย่างอิสระใต้ร่มไม้สีเขียวขจี หากขับรถต่อไปอีก 30 กิโลเมตร คุณจะได้พบกับวิวชายฝั่งทะเลที่สวยงามของเมืองลอร์น (Lorne) พร้อมพักทานฟิชแอนด์ชิปแสนอร่อยสำหรับมื้อกลางวันขณะนั่งเอนกายสบายๆ บนชายหาด ขับรถต่อไปตามเส้นทางเลียบชายฝั่งที่คดเคี้ยวอีก 20 นาที คุณจะได้พบกับแม่น้ำเคนเนตต์ (Kennett River) และสัตว์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของออสเตรเลียนั่นก็คือโคอาลาขนปุย อย่าลืมแวะซื้ออาหารนกและพกกล้องติดตัวไปด้วยระหว่างเดินเล่นไปตาม ‘โคอาลาวอล์ค’ (Koala Walk) หรือเส้นทางเดินสำรวจและตามรอยเจ้าโคอาลาสุดน่ารัก ระหว่างทางไปอะพอลโลเบย์ คุณจะได้ขับรถไต่ขึ้นไปตามหน้าผาสูงสลับกับผืนป่าแบบชายหาด ซึ่งคุณจะมีโอกาสได้ชมทิวทัศน์ที่สวยและงดงาม อาจแวะพักบริเวณจุดชมวิวเพื่อเก็บภาพเป็นที่ระลึกหรือเดินเล่นไปตามชายหาด จากนั้น ขับรถต่อไปบนเส้นทางเกรท โอเชียน โรดเข้าสู่อุทยานแห่งชาติอ็อตเวย์ (Otway National Park) ที่เต็มไปด้วยพันธุ์ไม้หลากชนิด แวะชมประภาคารแหลมอ็อตเวย์ (Cape Otway Light Station) สีขาวสุดคลาสสิก (ใช้เวลาขับรถประมาณ 50 นาที) ซึ่งเป็นประภาคารที่ได้ชื่อว่าเก่าแก่ที่สุดในออสเตรเลีย อย่าลืมปีนขึ้นไปบนประภาคารเพื่อชมจุดที่ช่องแคบบาสส์ (Bass Strait) มาบรรจบกับมหาสมุทรใต้หรือมหาสมุทรแอนตาร์กติก ก่อนจะเดินทางกลับไปยังอะพอลโลเบย์เพื่อพักค้างคืน พร้อมแวะรับประทานมื้อค่ำที่ร้านคริสส์ (Chris’s) ซึ่งตั้งอยู่บริเวณจุดชมวิวบีคอน พอยท์ (Beacon Point) ที่จะทำให้ค่ำคืนนี้สมบูรณ์แบบด้วยอาหารรสเลิศและวิวทิวทัศน์ยามค่ำคืนที่งดงามจากหน้าผาสูง พักผ่อนคลายความเหนื่อยล้า พร้อมฟังเสียงคลื่นกระทบฝั่ง ณ ไวท์เครสรีสอร์ท (Whitecrest Great Ocean Road Resort) หรือจะเลือกพักผ่อนท่ามกลางความสงบที่เกรทโอเชี่ยน อีโค ลอดจ์ (Great Ocean Eco Lodge) บริเวณศูนย์อนุรักษ์ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากอุทยานแห่งชาติอ็อตเวย์ออกไปประมาณ 25 กิโลเมตร ซึ่งคุณอาจมีโอกาสได้เผชิญหน้ากับบรรดาสัตว์ป่าในออสเตรเลียอีกด้วย

พักค้างคืน ณ โรงแรมคอมฟอร์ท อินน์ ดิ อินเตอร์เนชั่นแนล อะพอลโลเบย์

วันที่ 2: อะพอลโลเบย์ – พอร์ตแฟรี่

ระยะทาง: 189 กม./ 3 ชั่วโมง

จากอะพอลโลเบย์ ขับไปตามเส้นทางเกรท โอเชียน โรด ประมาณ 1 ชั่วโมงเพื่อเข้าสู่ป่าฝนอันเขียวขจีของอุทยานแห่งชาติอ็อตเวย์และแวะผจญภัยบนทางเดินลอยฟ้าออตเวย์ ฟลาย ทรีท็อปส์ วอล์ค (Otway Fly Treetop Walk) เอื้อมมือแตะขอบฟ้าบนทางเดินที่สูงเสียดยอดไม้ที่ยาวที่สุดและสูงที่สุดในโลก หรือร่วมกิจกรรมผจญภัยเหินเวหาซิปไลน์หรือการโหนสลิงไปตามเส้นทางธรรมชาติเพื่อกระตุ้นอะดรีนาลีนให้พลุ่งพล่าน จากนั้น ขับรถต่อไปบนเกรท โอเชียน โรด เตรียมกล้องถ่ายรูปให้พร้อมสำหรับการเก็บภาพวิวชายฝั่งที่แสนงดงามที่จะนำคุณไปสู่เมืองท่าอย่างพอร์ตแคมป์เบลล์ (Port Campbell) เมื่อถึงจุดชมเสาหินสาวกทั้ง 12 (Twelve Apostles) หรือกลุ่มโขดหินสูงตระหง่านที่ก่อตัวขึ้นจากมหาสมุทรใต้ คุณสามารถเดินลงไปตามกิ๊บสันสเต็ป (Gibson Steps) หรือทางเดินบันไดที่ขนาบหน้าผาลงไปเรื่อยๆ จนถึงชายหาด ซึ่งมีประมาณ 86 ขั้นเพื่อชมวิวในมุมมองที่แตกต่างออกไป อย่าลืมแวะชมวิว ณ จุดชมวิวบนหน้าผาของช่องเขาล็อคอาร์ด (Loch Ard Gorge) พร้อมชมความสวยงามของเบย์ ออฟ ไอแลนด์ส (Bay of Islands) สำหรับมุมมองที่ดีที่สุดในการชมความสวยงามของชายฝั่งสุดตระการตานี้ ได้แก่ การทัวร์เฮลิคอปเตอร์ชมวิวสุดอลังการ ซึ่งคุณจะต้องประทับใจไม่รู้ลืม

เดินทางต่อไปทางทิศตะวันตกบนเส้นทางเกรท โอเชียน โรด มุ่งหน้าสู่วอรร์นามบูล (Warrnambool) เพื่อสำรวจประวัติศาสตร์ของเมืองหลวงแห่งการเดินเรือ เดินทางต่อไปยังจุดชมวิว ณ ชายหาดโลแกนส์ (Logans Beach) และชมความความอัศจรรย์ของวาฬเซาเทิร์นไรท์ (Southern Right Whale) และวาฬสีน้ำเงิน (Blue Whale) ที่มักมาเยือนชายฝั่งแห่งนี้ในช่วงฤดูหนาว

จากวอรร์นามบูล ขับต่อไปยังพอร์ตแฟรี่ แล้วตรงไปยังเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทาวเวอร์ ฮิลล์ สเตท (Tower Hill State Game Reserve) โดยใช้เวลาเพียง 15 นาทีเท่านั้น ออกเดินไปตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติและเฝ้าดูพฤติกรรมของเหล่าสัตว์สุดน่ารักอย่างโคอาลา นกอีมู จิงโจ้ และนกน้ำที่เตร็ดเตร่อยู่อย่างอิสระตามแนวเขาและทะเลสาบปล่องภูเขาไฟที่ตายแล้ว เที่ยวชมศูนย์บริการนักท่องเที่ยว (Worn Gundidj Visitor Centre) เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของชาวอะบอริจินและข้อมูลสำคัญทางธรณีวิทยา ปิดท้ายวันด้วยการรับประทานอาหารค่ำใกล้กับพอร์ตแฟรรี่ ซึ่งคุณจะได้เพลิดเพลินไปกับอาหารท้องถิ่นตามฤดูกาล ณ ภัตตาคารเก่าแก่ในเมอร์ริจิก อินน์ (Merrijig Inn) โรงแรมที่เก่าแก่ที่สุดในรัฐวิกตอเรีย

พักค้างคืน ณ โรงแรมคอมฟอร์ต อินน์ พอร์ต แฟรี่

วันที่ 3: พอร์ตแฟรรี่ – ฮอลส์ แก๊ป

ระยะทาง: 158 กม./ 2 ชั่วโมง 30 นาที

เพลิดเพลินไปกับการออกสำรวจหมู่บ้านชาวประมงในพอร์ตแฟรี่ในช่วงเช้า เดินเลียบไปตามแม่น้ำ เยี่ยมชมชายหาด หรือเดินเล่นไปตามเส้นทางเดินตามรอยประวัติศาสตร์เส้นใดเส้นหนึ่งเพื่อชมกระท่อมเก่าแก่ของนักล่าวาฬและอาคารสาธารณะต่างๆ สำหรับท่านที่ต้องการชมสัตว์ป่าอย่างใกล้ชิด สามารถล่องเรือสำราญไปยังอาณาจักรแมวน้ำและขึ้นฝั่ง ณ เกาะเลดี้จูเลีย เพอร์ซีย์ (Lady Julia Percy Island) ได้ตามอัธยาศัย

จากพอร์ตแฟรี่ ขับรถขึ้นเหนือ 90 กิโลเมตรไปยังเมืองดันเคลด์ (Dunkeld) ประตูสู่แกรมเพี่ยนส์ (Grampians) ตอนใต้ ซึ่งจะใช้เวลาราวๆ 1 ชั่วโมง ที่นี่เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักดูสัตว์ป่า นักผจญภัยกลางแจ้ง และผู้ที่ชื่นชอบในประวัติศาสตร์ เนื่องจากแกรมเพี่ยนส์เป็นเทือกเขาหินทรายขรุขระที่อุดมไปด้วยความสมบูรณ์ทางธรรมชาติ สัตว์ป่า และยังเป็นแหล่งศึกษาศิลปะหินของชาวอะบอริจินอีกด้วย

ยอดเขาแฝดสเตอร์เจียน (Mount Sturgeon) และอะบรัพท์ (Mount Abrupt) ที่สวยงามทำหน้าที่เป็นฉากหลังที่ยอดเยี่ยมให้กับเมืองดันเคลด์ และเป็นแรงบันดาลใจสำหรับการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะมากมายในแกลเลอรี คุณอาจใช้เวลาอันแสนสงบในหอศิลป์และพิพิธภัณฑ์ หรือลิ้มลองอาหารกลางวันรสเลิศ ณ โรงแรมรอยัล เมล (Royal Mail Hotel)

หากมีพละกำลังและแข็งแรงมากพอ คุณสามารถเผชิญหน้ากับความท้าทายด้วยการไต่สู่ยอดเขาสเตอร์เจียนหรือเขาอะบรัพท์เพื่อชมทัศนียภาพอันงดงามของเทือกเขาโดยรอบและที่ราบภูเขาไฟสุดกว้างใหญ่ ซึ่งจะใช้เวลาไป-กลับประมาณ 3 ชั่วโมง คุณควรจะมีการเตรียมพร้อมร่างกายมาอย่างดีและสวมใส่ชุดที่มีความทะมัดทะแมง เหมาะสำหรับการเดินเขา โดยคุณจะได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่าเหนื่อยแน่นอน

ทิ้งดันเคลด์ไว้เบื้องหลัง มุ่งหน้าไปบนถนนแกรมเพี่ยนส์ พร้อมชมวิวสองข้างทาง ผ่านเขตอุทยานแห่งชาติเพื่อไปสู่ฮอลส์ แก๊ป (Halls Gap) จุดชมวิวมุมสูงที่จะทำให้คุณได้เห็นวิวทิวทัศน์เทือกเขาน้อยใหญ่ที่สวยงามจรดเส้นขอบฟ้า หากคุณเป็นนักผจญภัยกลางแจ้ง คุณจะได้เพลิดเพลินไปกับกิจกรรมสุดตื่นเต้นต่างๆ อาทิ เดินป่า พายเรือแคนู ปีนผาและโรยตัว ตกปลา และอื่นๆ อีกมากมาย และไม่ว่าคุณจะกำลังทำกิจกรรมอะไร ก็อย่าลืมเตรียมกล้องถ่ายรูปไว้ให้ดี เพราะคุณอาจจะมีโอกาสได้พบเห็นเหล่าสัตว์ป่าอย่างใกล้ชิด เนื่องจากอุทยานแห่งนี้เป็นแหล่งอาศัยของบรรดาสัตว์และนกพื้นเมืองนานาชนิด รวมถึงจิงโจ้ โคอาลา อีมู นกอินทรีหางลิ่ม (Wedge-tailed Eagle) และดอกไม้ป่านานาพันธุ์

พักค้างคืน ณ โรงแรมคอมฟอร์ท อินน์ คันทรี พลาซ่า ฮอลส์ แก๊ป

วันที่ 4: ฮอลส์ แก๊ป – บัลลารัต

ระยะทาง: 142 กม./ 2 ชั่วโมง

เริ่มต้นวันด้วยการเยี่ยมชมศูนย์วัฒนธรรมของชาวอะบอริจินบรัมบุก (Brambuk Aboriginal Cultural Centre) เพื่อสำรวจประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมพื้นเมืองที่น่าสนใจของภูมิภาคแห่งนี้ เพลิดเพลินไปกับงานศิลปะ สิ่งประดิษฐ์ และกิจกรรมต่างๆ อาทิ การขว้างบูมเมอแรง คุณอาจเข้าร่วมทัวร์ชมแหล่งศิลปะหินโบราณของชาวอะบอริจินพร้อมไกด์ท้องถิ่นเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับความหมายทางจิตวิญญาณของชาวพื้นเมือง สำรวจอุทยานในมุมมองใหม่ ชมวิวที่จุดชมวิวยอดฮิตอย่างหน้าผาโบโรก้า (Boroka Lookout) หน้าผารีดส์ (Reeds Lookout) และหน้าผาเดอะบัลโคนีส์ (The Balconies Lookout) ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากฮอลส์ แก๊ป โดยที่คุณจะได้ชมวิวที่สวยงามเหนือเทือกเขาวิลเลียม (Mount William) เทือกเขาวันเดอร์แลนด์ (Wonderland Ranges) และวิกตอเรียวัลเลย์ (Victoria Valley) แวะพัก ณ น้ำตกแมคเคนซีย์ (MacKenzie Falls) อีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญที่ห้ามพลาด ซึ่งเป็นหนึ่งในน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดและสวยที่สุดแห่งหนึ่งในรัฐวิกตอเรีย ไต่ลงไปยังด้านล่างของน้ำตก (เผื่อเวลากลับ 1 ชั่วโมง) หรือเดินเล่นไปตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติท่ามกลางเสียงน้ำตกที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย

เดินทางต่อไปยังอารารัต (Ararat) ซึ่งอยู่ห่างจากฮอลส์ แก๊ปออกไปประมาณ 50 กิโลเมตร แวะเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์มรดกวัฒนธรรมจีนกัมซาน (Gum San Chinese Heritage Museum) เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับเกร็ดประวัติศาสตร์จีนที่น่าสนใจของเมืองอารารัต หรือเข้าร่วมทัวร์ที่จะทำให้คุณขนลุกซู่อย่างทัวร์ผีสิง ณ โรงพยาบาลอาราเดล (Aradale Mental Hospital) โรงพยาบาลสำหรับผู้ป่วยจิตเวชที่ใหญ่ที่สุดในออสเตรเลียสุดหลอนที่ปิดตัวลงในปี 1997 ก่อนจะออกเดินทางอีก 1 ชั่วโมงไปสู่จุดหมายปลายทางสุดท้ายของวัน ณ เมืองบัลลารัต โดยที่คุณจะได้ขับรถไปตามทางหลวงสายตะวันตก และเพลิดเพลินกับวิวของเทือกเขาจีลัน (Mt Ghiran) อันงดงามและสำรวจอุทยานแห่งรัฐลันจี จีรัน (Langhi Ghiran State Park) ที่อุดมไปด้วยมรดกทางวัฒนธรรมดั้งเดิมและที่ยังเป็นแหล่งของศิลปะโบราณที่สำคัญอีกด้วย

พักค้างคืน ณ โรงแรมควอลิตี้ อินน์ แอนด์ สวีท เดอะ เมนซีส์

วันที่ 5: บัลลารัต – เมลเบิร์น

ระยะทาง: 166 กม./ 2 ชั่วโมง 30 นาที

พักผ่อนหรือออกสำรวจเขตมรดกของบัลลารัตตามอัธยาศัยในช่วงเช้า เรียนรู้ประวัติศาสตร์การทำเหมืองแร่ทองคำของเมืองอันน่าทึ่งแห่งนี้ และสถาปัตยกรรมอันงดงามอย่างอิสระ เดินเล่นไปบนเส้นทางมรดกทางวัฒนธรรมที่ขนาบสองข้างทางด้วยต้นไม้เขียวขจี พร้อมชมสถาปัตยกรรมสไตล์วิกตอเรียและเอ็ดเวิร์ด อาทิ สวนสาธารณะ สวนหย่อม รูปปั้น และโบสถ์ที่แสนหรูหราและสง่างาม

ขุดลึกลงไปในประวัติศาสตร์เหมืองทองของภูมิภาคแห่งนี้ด้วยการเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งโซเวอเรน ฮิลล์ (Sovereign Hill) ที่ซึ่งคุณจะได้ค้นพบประวัติศาสตร์ยุคตื่นทองของออสเตรเลีย ทดสอบความโชคดีของคุณด้วยการร่อนหาทอง หรือออกสำรวจเหมืองชั้นใต้ดิน และเรียนรู้เกี่ยวกับการซื้อขายที่ทองคำในศตวรรษที่ 19

กลับมาสู่ยุคปัจจุบันด้วยการเที่ยวชมบรรดาสัตว์พื้นเมืองของออสเตรเลีย ณ สวนสัตว์บัลลารัต (Ballarat Wildlife Park) ที่ซึ่งคุณจะได้สัมผัสขนปุกปุยของโคอาลา เฝ้าสังเกตพฤติกรรมของวอมแบต และดูการให้อาหารจระเข้

ก่อนจะเดินทางกลับเมลเบิร์น คุณสามารถแวะผ่อนคลายที่สปา ณ เดลส์ฟอร์ด (Daylesford) สวรรค์ที่แสนสงบอย่างแท้จริงเพื่อแวะรับประทานอาหาร หรือดื่มด่ำกับบรรยากาศโดยรอบ

เพลิดเพลินไปกับการลิ้มรสอาหารกลางวันไปกับเมนูท้องถิ่นแสนอร่อย ณ เลค เฮ้าส์ (Lake House) ภัตตาคารของอัลลา วูล์ฟ-ทาสเกอร์ (Alla Wolf-Tasker) เชฟที่โด่งดังระดับตำนานของออสเตรเลีย ท่ามกลางบรรยากาศที่แสนสงบของทะเลสาบเดลส์ฟอร์ด (Lake Daylesford)

เต็มอิ่มกับวันสุดท้ายของการเดินทางด้วยการแวะชมบ่อน้ำพุร้อนเฮปเบิร์น (Hepburn Springs) ซึ่งเป็นบ่อน้ำพุร้อนจากน้ำแร่ธรรมชาติ สัมผัสรสชาติของน้ำแร่บริสุทธิ์ที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุจากธรรมชาติ ณ อุทยานน้ำพุร้อนจากน้ำแร่ธรรมชาติเฮปเบิร์น (Hepburn Mineral Springs Reserve) แวะแช่ตัว หรือทำสปาเพื่อการผ่อนคลายที่ โรงอาบน้ำแร่และศูนย์บริการสปาเฮปเบิร์น (Hepburn Bathhouse and Spa) หลังจากชาร์จพลังอย่างเต็มที่แล้ว จึงขับรถกลับเมลเบิร์น และเช็คอินเข้าสู่ที่พัก (หมายเหตุ: การใช้บริการลานจอดรถของโรงแรมอาจมีค่าธรรมเนียม ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของนักท่องเที่ยว)

พักค้างคืน ณ โรงแรมไอบิส เมลเบิร์น โฮเทล แอนด์ อะพาร์ตเมนต์

วันที่ 6: เมลเบิร์น

เช็คเอาท์ออกจากโรงแรมในช่วงเช้า ขับรถกลับไปยังสนามบินเมลเบิร์นและคืนรถ