เมืองมรดกล้ำค่า "สบายดี หลวงพระบาง"

ตอนนี้สถานการณ์ การระบาดของไวรัสCovid-19 ในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านเราคลี่คลายไปมาก เราเลือกเดินทางไปท่องเที่ยวใกล้ๆกันดีกว่า ประเทศลาวเป็นอีกหนึ่งประเทศในเอเชียที่ยังรักษาวัฒนธรรมทางพุทธศาสนา ประเพณีของชาติ และสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติไว้ได้อย่างดี

สิบกว่าปีก่อนเราเคยข้ามไปลาวกันมาแล้วครั้งหนึ่ง เวลาเราอยู่ที่ลาวจะรู้สึกเหมือนเวลามันเดินช้าลง ผู้คนที่นี่จะใช้ชีวิตเรียบง่าย มีขนบธรรมเนียมประเพณีที่น่าสนใจ คราวนี้เราเลยปักหมุดกันที่เมืองหลวงพระบาง เมืองมรดกโลกที่ยังมีชีวิตแห่งนี้ที่เดียว อยากเที่ยวแบบช้าๆ ชิลๆ ไปเรื่อยๆ สัก 3 วัน 2 คืน

การเดินทางไปหลวงพระบาง นิยมเดินทางด้วยรถโดยสารกันอย่างมาก ข้ามแม่น้ำโขงจากฝั่งไทยที่หนองคายเข้าเวียงจันทน์ผ่านวังเวียงใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมง คราวนี้เราเลือกที่บินตรงใช้เวลาเพียง 1.30 ชั่วโมง เมืองหลวงพระบางขนาบด้วยแม่น้ำสองสาย คือแม่น้ำโขงและแม่น้ำคานล้อมรอบด้วยป่าเขา เมื่อมาถึงเมืองหลวงพระบางแล้ว ก่อนอื่นเราควรเริ่มทัวร์เช้าๆหน่อยจากใจกลางเมือง ไปตามถนนศรีสว่างวงศ์สายหลักของเมืองต่อเนื่องกับถนนสักรินทร์มีวัดเก่าแก่ สองข้างทางจะมีอาคารทั้งแบบฝรั่ง จีน และบ้านเรือนแบบลาว ปะปนกันไป ปัจจุบันตึกเหล่านี้ก็ทำเป็นร้านอาหาร ขายของที่ระลึก เกสเฮ้าส์ แต่ยังคงรูปแบบอาคารเดิมไว้ ถือเป็นเสน่ห์ของเมืองมรดกโลกแห่งนี้จริงๆ

เริ่มจากวัดใหม่สุวรรณภูมาราม เป็นอีกวัดสำคัญของเมือง พระอุโบสถสร้างด้วยไม้ ตกแต่งด้วยลวดลายรถน้ำปิดทอง โดนเด่นด้วยเสาระเบียงที่มีสีดำ ปิดทองสีอร่ามสวยงามปราณีตอย่างมาก ถัดไปคือหอพระบาง เป็นที่ประดิษฐ์สถานพระคู่บ้านคู่เมือง พระพุทธรูปเนื้อทองคำปางประทานอภัย หรือปางห้ามสมุทร หอนี้อยู่ทางด้านหน้าพิพิธภัณฑ์แห่งชาติหลวงพระบาง หรือ เดิมคือพระราชวังหลวงของเจ้ามหาชีวิต ด้านในห้องต่างๆจัดแสดงประวัติความเป็นมาในอดีต การเข้าชมที่นี่ต้องแต่งกายสุภาพ และทำตามกฎระเบียบที่กำหนดไว้ข้างต้นกันด้วยนะคะ จากนั้นไปวัดเชียงทอง มรดกล้ำค่าแห่งนี้ มีความสำคัญทั้งทางศิลปะ วัฒนธรรม และสถาปัตยกรรมของพระอุโบสถแบบล้านช้างแท้ๆอันสวยงาม นับว่าเป็นมรดกสมบูณณ์แบบที่สุดแห่งประเทศลาวด้วยการตกแต่งภาพประดับกระจกสี ลวดลายวิธีชีวิตของชาวบ้านบนฝาผนังโดดเด่น มีเอกลักษณ์เป็นอย่างยิ่ง เราจะพบเห็นลวดลายนี้บนผ้าปัก ของที่ระลึกต่างๆ แม้จะแวะเวียนมาเที่ยวเป็นครั้งที่สองแต่ยังงดงามน่าชื่นชมอยู่ไม่คลาย จากวัดเชียงทองเดินต่อไปอีกหน่อยจะมีจุดชมวิวริมแม่น้ำ ใกล้ปลายแหลมที่แม่น้ำทั้งสองสายคือแม่น้ำโขงและแม่น้ำคานมาบรรจบกัน เราไปช่วงเดือนเมษายนน้ำลดลงจนเห็นเป็นหาดทราย สามารถลงไปเดินเล่น ถ่ายรูปได้ ตรงริมฝั่งมีร้านคาเฟ่ นั่งจิบกาแฟ ชมวิวเพลินๆ ยิ่งถ้ามาช่วงเย็นจะสามารถทานข้าวพร้อมกับชมพระอาทิตย์ตกดินได้ที่จุดนี้

แต่สำหรับคนที่ยังไม่เคยมาเมืองหลวงพระบางขอบอกก่อนว่า “จุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดคือบน พระธาตุภูสี” ควรขึ้นไปที่นี่ตอนเย็นประมาณ 4 โมง ค่อยๆเดินบ้างพักบ้าง ทางขึ้นเขาเป็นบันไดปูนลัดเลาะไปตามแนวหิน เส้นทางค่อนข้างสูงชัน ยอดเขาเป็นที่ประดิษฐานของพระธาตุ และรอยพระพุทธบาท มองจากบนนี้จะเห็นเมืองหลวงพระบางทั้งเมือง และบริเวณโดยรอบไกลสุดสายตา เราไหว้พระขอพรเสร็จก็รีบไปหาที่นั่งชมพระอาทิตย์ตกดินที่อยู่ติดกับด้านหลังของพระอุโบสถ ฟินๆกับบรรยากาศยามค่ำคืน

กลับลงมาทางถนนศรีสว่างวงศ์ จุดขึ้นลงพระธาตูภูสี ตอนเย็นจะเป็นเวลาที่คึกคักมากเรียกได้ว่าเป็นศูนย์รวมนักท่องเที่ยวยามค่ำคืน นอกจากจะเปิดเป็นถนนคนเดินแล้ว Night Market ยังมี ร้านอาหาร STREET FOOD ให้เลือกทานเล่น อาหารการกินที่ลาวคล้ายๆกับของไทยเราจะมีคาเฟ่ เบอร์เกอร์ และอาหารตะวันตกอยู่ทั่วไป สมัยก่อนที่เคยมานั่นร้านค้าต่างๆจะปูผ้าขายบนพื้นถนน แต่ในตอนนี้เริ่มเป็นแพงตั้งขาย สินค้าก็ดูแปลกตา อีกทั้งเมื่อก่อนจะเป็นการขายเสื้อผ้าแบบผ้าฝ้ายเย็บมือ เน้นงานหัตถกรรมเป็นส่วนใหญ่ แต่ในตอนนี้สินค้าจะดูทันสมัยขึ้น ส่วนใหญ่เป็นกระเป๋าผ้าธรรมดา ร้านผ้าถุง ผ้าผันคอ และเสื้อผ้าที่ดูจะคล้ายๆกัน น่าจะเป็นสินค้าจากจีนที่นำเอามาขาย แต่ถ้าไปเยือนถึงถิ่นแล้วก็ลองเลือกดูพวกงานผ้าต่างๆที่เป็นของพื้นเมืองจริงๆ ที่ตอนนี้ก็ยังพอจะมีให้เห็นอยู่บ้างกันค่าา

วันรุ่งขึ้นเราใช้บริการรถตู้ แต่ถ้าไปกันหลายๆคน อาจจะเช่าเป็นรถส่วนตัวเที่ยวจะสะดวกกว่า เพราะเวลาเที่ยวแต่ละที่จะได้ไม่ต้องกังวลเที่ยวได้สบายๆ วันนี้เราจะออกไปนอกเมือง เที่ยวชมธรรมชาติกันบ้าง น้ำตกกวางสี หรือตาดกวางสี ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางป่าเขา และยังคงรักษาธรรมชาติไว้อย่างดี รวมไปถึงร้านค้า ร้านอาหาร มีเพียงรอบนอกทางเข้าเท่านั้น จากจุดจอดรถหน้าทางเข้าเดินไปประมาณ 300 เมตร ก็จะถึงตัวน้ำตก ซึ่งน้ำตกนี้จะมีหลายชั้น แอ่งน้ำที่อยู่ด้านล่างจะออกสีเขียวๆฟ้าๆ เหมือนสระว่ายน้ำ สวยงามมาก นักท่องเที่ยวจะเล่นน้ำกันชั้นล่างๆ ถ้าเดินต่อไหวชั้นบนของน้ำตกเป็นหน้าผาสูงกว่า 70 เมตร คือม่านน้ำที่ไหลผ่านลงมา ทำให้เป็นจุดไฮไลท์จนอยากจะเก็บภาพพร้อมบรรยากาศท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงาม และสมบูรณ์แบบเหล่านี้ไว้อย่างดีที่สุด แนะนำท่านที่จะมาเล่นน้ำว่าควรไปถึงช่วงกลางวันร้อนๆหน่อย อาจจะได้เล่นน้ำสนุกๆ ขนาดเราไปเดือนเมษายนน้ำก็ยังเยอะ น้ำที่น้ำตกนี้เย็นมาก ไปช่วงหน้าหนาวคงจะเล่นไม่ไหวแน่ แต่ถ้าไปเที่ยวถ่ายรูปไปเช้าหน่อย หรือบ่ายไปเลยก็ดี เพราะช่วงกลางวันทัวร์ลงเยอะมากๆ

ระหว่างทางกลับเข้าเมือง เราแวะบ้านผานมอยู่ริมแม่น้ำคาน หมู่บ้านวัฒนธรรมทอผ้าชาวไทลื้อที่อพยพมาจากสิบสองปันนา จะมีการสาธิตการทอผ้า และอดไม่ได้ที่จะเลือกซื้อผ้าทอมือสวยๆไปเป็นของฝาก ของที่ระลึกให้กับคนที่เรารู้จัก และญาติๆกันนะคะ ในตอนนี้เรายังพอมีเวลาสามารถแวะ “วัดวิชุนราช หรือ วัดพระธาตุหมากโม” วัดเก่าแก่ที่สุดตั้งแต่สมัยล้านช้าง พระธาตุที่มีรูปที่ใหญ่ทรงคล้ายกับแตงโมกลมผ่าครึ่งสร้างในสมัยพระเจ้าวิชุนราช

JOMA BAKERY CAFÉ ร้านดังที่ต้องแวะมาชิมกาแฟ เครื่องดื่มเย็นๆ และขนมอร่อยๆก่อนกลับไปช้อปปิ้งถนนคนเดินกันอีกครั้ง

เช้าวันสุดท้ายนี้ ตื่นตอนเช้ามืดเพื่อไปตักบาตรข้าวเหนียวกัน พิกัดแนวถนนสักรินท์ ถ้าอยากได้รูปสวยๆด้วยให้ไปนั่งรอใส่บาตรตรงหน้าวัดแสนสุขาราม เมื่อเสร็จจากใส่บาตรแล้วเดินเข้าไปสักการะพระเจ้า 18 ศอก เป็นพระพุทธรูปปางยืนมีองค์เดียวในหลวงพระบาง จากนั้นไปเดินเล่นที่ตลาดเช้าหาของกิน และของสุดแปลกท้องถิ่นพวกไค หนังควายแท่ง ขนมดอกทอง แหนมของที่นี่รสชาติอร่อยเลยทีเดียว จากตลาดไปต่อกันที่ร้านกาแฟลาวเจ้าถิ่นอยู่ทางเลียบแม่น้ำโขง ชื่อร้านกาแฟประชานิยม มีอาหารเช้าหลายอย่าง เช่นโจ๊ก ปาท่องโก๋ ไข่ดาว ไข่ลวก กาแฟ ชานม ฟินๆไปกับบรรยากาศวิถีชีวิตยามเช้าริมแม่น้ำโขง สายๆหน่อยก็กลับที่พักเพื่อเตรียมตัวไปสนามบิน

จบทริปสั้นๆ สุดแสนประทับใจกับเมืองมรดกโลกที่อยู่ใกล้เมืองไทยนิดเดียว ถึงแม้ใช้เวลาเที่ยวน้อยแต่ก็สุขใจได้อย่างเอ่อล้นมากมาย…

Thank you.
Images: Holiday Tours & Travel (Thailand).

Scroll to Top